ภาค 2 ตอนที่ 7 “เสียงหวีดยามค่ำคืน”
- 18naturalmind
- 3 พ.ค.
- ยาว 1 นาที
Qigong and I The Series โดย : ป่าน

หลังจากที่ได้ 'โรคหอบหืด' มาเป็นโรคประจำตัวอีกโรคหนึ่ง ดิฉันก็ต้องมี 'อุปกรณ์กู้ชีพแบบพกพา' คือกระบอกพ่นยาขยายหลอดลม ติดตัวไปด้วยทุกที่นับแต่นั้น
กระบอกพ่นยานี้เป็นกระบอกพลาสติกขนาดเหมาะมือ ลักษณะเป็นรูปตัว L เวลาใช้เราจะต้องถือกระบอกในแนวตั้ง เขย่าก่อนเพื่อให้ตัวยาไม่นอนก้น จากนั้นหายใจออกทางปากให้สุด แล้วจ่อปลายกระบอกตรงหางตัว L เข้าในปาก กดกระบอกตรงหัวตัว L พ่นยาเข้าปากพร้อมทั้งหายใจเข้าลึกยาว เสร็จแล้วกลั้นหายใจประมาณ 10 วินาที ค่อยหายใจเข้าออกตามปกติ
การพ่นยานี้จะกระทำก็ต่อเมื่อเรามีอาการหอบ ถ้าไม่หอบก็ไม่ต้องพ่น ถ้าพ่นแล้วอาการดีขึ้นก็จบ ถ้ายังไม่ดีก็พ่นใหม่อีกรอบ แต่ถ้าพ่น 3 รอบแล้วยังไม่หาย ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อ 'รมยา' ตามที่ดิฉันเล่าให้ฟังใน Ep.6 "ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร"
แรกๆ ที่ได้พกกระบอกพ่นยา ดิฉันนึกถึงละครทีวีที่เคยดู แล้วก็คิดว่าตัวเองก็คงจะเป็นแบบนั้น คือตัวละครที่เป็นโรคหอบและต้องพ่นยานั้น เขาจะหอบเมื่อเวลาตื่นเต้นตกใจ หรือตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ซึ่งดิฉันก็มีโมเมนต์แบบนั้นเยอะอยู่นะ ในออฟฟิศที่ทำงาน ฮ่าๆๆ
แต่ในชีวิตจริงที่ไม่อิงละครก็คือ ดิฉันไม่เคยหอบในเวลาทำงานเลยสักครั้ง จะว่าชินกับสถานการณ์คับขันจนไม่ตื่นเต้นตกใจแล้ว หรือจะเป็นเพราะอะไรก็ไม่อาจรู้ได้
ในความเป็นจริง ทุกครั้งที่ดิฉันมีอาการหอบ มันจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ดิฉันกำลังสงบที่สุด นั่นก็คือเวลานอน
ดิฉันมั่นใจว่าตัวเองใช้เครื่องนอนหมอนมุ้งที่สะอาดเอี่ยมอ่องมาก แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ขณะกำลังนอนหลับสนิทอยู่ดีๆ ตอนกลางดึก ก็ต้องรู้สึกตัวตื่น เพราะได้ยินเสียง "วี้ดดดดด...วี้ดดดดด...วี้ดดดดด" ตามจังหวะการหายใจเข้าออกของตัวเอง
เวลาเป็นหวัดคัดจมูก เราอาจจะหายใจเป็นเสียงวี้ดๆ บ้าง เพราะโพรงจมูกของเราจะบวมจนเหลือช่องให้ลมผ่านได้น้อยลง ลมหายใจจึงต้องเสียดแทรกเข้าออกเป็นเสียงวี้ดๆ
แต่เสียงวี้ดของคนเป็นโรคหอบหืดนั้น ไม่ได้เกิดจากโพรงจมูกบวม ทว่าเกิดจากหลอดลมหดเกร็งกะทันหัน ทำให้ตีบแคบลง ลมที่เข้าออกปอดจึงเสียดแทรกผ่านอย่างยากลำบาก จนเกิดเสียงวี้ดๆ
พูดง่ายๆ ว่า เราจะได้ยินเสียงวี้ดๆ ที่ปอด ไม่ใช่ที่จมูกแบบคนเป็นหวัด คือเสียงมันจะมาจากหน้าอกเรา ไม่ใช่มาจากบริเวณใบหน้า
เมื่อใดก็ตามที่เราหายใจแล้วมีเสียงแบบนั้น แสดงว่าเริ่มมีอาการหอบ จากนั้นเราก็จะเริ่มไอ แล้วก็ไอหนักขึ้นเรื่อยๆ
คราวนี้แม้จะอยากนอนต่อแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะนอนได้ และถ้านอนก็คงจะไม่ได้ตื่นอีกต่อไป
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องรีบทำก็คือ คว้ากระบอกพ่นยามาพ่นใส่ปาก รอให้เสียงวี้ดเบาลงจนหายไปหมด ถ้าไม่หายก็แต่งตัวไปโรงพยาบาลได้เลย
ตลอดเวลาที่เป็นโรคหอบหืด ดิฉันหอบกลางดึกเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน เฉลี่ยแล้วอาทิตย์ละประมาณ 3 ครั้ง เท่ากับเดือนหนึ่งหอบประมาณ 12 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า จะมี 12 คืนต่อเดือน ที่ดิฉันและครอบครัวจะไม่ได้นอนเต็มอิ่ม
ในเวลา 12 คืนนั้น จะมีประมาณ 2 คืนที่ดิฉันพ่นยา 3 รอบแล้วไม่หาย คือพอพ่นเสร็จรอบหนึ่งๆ ก็จะดีขึ้นแป๊บเดียว พอล้มตัวลงนอนสักพักก็เริ่มหอบใหม่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ดิฉันก็ต้องรีบปลุกคนที่บ้านให้พาไปโรงพยาบาล ซึ่งที่จริงเขาก็ตื่นกันตั้งแต่ดิฉันไอแล้วล่ะ ใครจะไปหลับลง
พอไปถึง พยาบาลก็พาดิฉันไปรมยา รมเสร็จก็นอนพัก รอหมอมาตรวจ บางทีหมอก็สั่งให้ไปรมเพิ่มอีกรอบเพื่อความชะงัด กว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด ก็เช้าพอดี
แล้วดิฉันก็มีชีวิตรอดไปอีกวัน ส่วนคนที่บ้านก็ตาลึกโหลเป็นหมีแพนด้าไปตามระเบียบ
เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นประมาณเดือนละ 2 ครั้ง เฉลี่ยแล้วเท่ากับว่า ดิฉันต้องไปรมยาที่โรงพยาบาลอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ซึ่งนับว่าถี่มาก
เมื่อพิจารณาจากสถิติการหอบของดิฉันแล้ว พยาบาลจึงให้ดิฉันเอาหน้ากากรมยากลับบ้านเลย คราวหน้ามาโรงพยาบาลก็ให้เอามาด้วย จะได้ไม่ต้องไปเบิกหน้ากาก ลดขั้นตอนได้หน่อย
เป็นไงล่ะ หนักถึงขั้นมีหน้ากากรมยาเป็นของตัวเอง อันใหญ่สายระโยงระยางเลยนะจะบอกให้
เป็นหอบหืดทั้งทีก็ต้องเป็นให้โลกจำแบบเน้!!!
(โปรดติดตามตอนต่อไป)