top of page

ภาค 1 ตอนที่ 14 “โรคที่รักษาไม่ได้ : Part I”

  • 18naturalmind
  • 29 ม.ค.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 27 เม.ย.

Qigong and I The Series โดย : ป่าน


เอาล่ะ! และแล้วก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่ดิฉันจะเฉลยแล้วว่า ‘โรคที่รักษาไม่ได้’ 2 โรค ซึ่งโปรยไว้ตั้งแต่ต้น คือโรคอะไร


วันนี้จะเล่าถึงโรคแรกก่อนค่ะ


เรื่องมันเริ่มมาจากว่า อยู่มาวันหนึ่ง ทั้งๆ ที่ดิฉันเป็นคนประเภท ‘กินง่าย ถ่ายคล่อง’ คือสามารถขับถ่ายได้ทุกวันเป็นกิจวัตร แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดท้องผูกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ


ต้องเล่าย้อนนิดหนึ่งว่า ตอนเด็กๆ ดิฉันเคยท้องผูกมาก่อน สามสี่วันถึงจะถ่ายสักที พ่อแม่และยายก็เลยให้ดิฉันกินผักผลไม้เยอะๆ จนดิฉันก็ติดเป็นนิสัย พอโตขึ้นมาจึงไม่มีปัญหาเรื่องท้องผูกอีก อาจจะไม่ถึงกับขับถ่ายได้ตรงเวลาเป๊ะๆ ในแต่ละวัน แต่ก็ขับถ่ายได้ทุกวันอย่างสบายๆ และถ้าวันไหนไม่ปวดท้องอยากขับถ่าย ก็มั่นใจได้เลยว่าวันรุ่งขึ้นจะต้องปวดแน่ และจะขับถ่ายได้เยอะมากเพราะเก็บสะสมมา 2 วัน


สรุปก็คือ ดิฉันไม่เคยท้องผูกเกิน 1 วันเลย และทุกครั้งที่ขับถ่ายดิฉันจะมีความสุขมาก สมกับที่เขาเรียกห้องน้ำว่า ‘ห้องสุขา’ เพราะดิฉันแทบจะไม่ต้องเบ่งเวลาขับถ่าย และระหว่างขับถ่ายก็รู้สึกโล่งสบายมาก


ตอนที่เริ่มมีอาการท้องผูกนั้น ดิฉันเริ่มผิดสังเกตเมื่อผ่านไป 2 วันแล้วยังไม่ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำแต่อย่างใด


ดิฉันก็เลยประโคมกินอาหารที่จะช่วยให้ถ่ายคล่อง เช่น ส้มตำ น้ำลูกพรุน มะละกอสุก แต่ผ่านไป 5 วันดิฉันก็ยังไม่ถ่าย แถมยังปวดท้องอย่างมากด้วย เพราะกินอะไรต่ออะไรเข้าไปเยอะ แต่ไม่สามารถขับถ่ายออกมา


อาการปวดท้องดังกล่าว ก็คือปวดเหมือนอยากจะเข้าห้องน้ำเปี๊ยบ แต่พอเข้าห้องน้ำกลับถ่ายไม่ออก ท้องก็ปวดมากเพราะลำไส้ใหญ่บีบตัวเต็มที่แล้ว แต่เหมือนกับว่าไม่มีช่องให้มันออกมา ดิฉันก็เลยต้องเบ่ง หลับหูหลับตากลั้นใจเบ่งจนแทบจะหน้ามืด แต่ก็ออกมาแค่ลมเท่านั้น


เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ ดิฉันกินอาหารแสลงท้องไส้เข้าไปเยอะมาก ด้วยความหวังว่าจะทำให้ตัวเองท้องเสีย ในชีวิตไม่เคยอยากท้องเสียขนาดนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ แต่ปรากฏว่ายิ่งกินเข้าไปยิ่งปวดท้อง และยังคงถ่ายไม่ออกอยู่เช่นเดิม


ดิฉันเคยได้ยินมาว่า เรื่องการขับถ่ายนี้เป็นเรื่องแล้วแต่คน บางคนขับถ่ายแค่อาทิตย์ละครั้งเขาก็อยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องถ่ายทุกวัน ทฤษฎีนี้จะเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้แหละ แต่ดิฉันทำใจให้เชื่อได้ยากจริงๆ เพราะได้เจอมากับตัวว่าการไม่สามารถขับถ่ายได้ทุกวันมันทรมานขนาดไหน งงมากว่าทำไมบางคนเขาอยู่ได้ และเขาจะโอเคหรือเปล่าในระยะยาว


ต้นสัปดาห์ที่ 2 ที่ดิฉันมีอาการท้องผูก ดิฉันก็ตัดสินใจนัดไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาล แล้วระหว่างที่รอไปพบแพทย์ตามนัด ดิฉันก็อุตส่าห์เบ่งจนขับถ่ายออกมาได้หน่อยหนึ่ง เป็นเส้นผอมๆ แบบที่ภาษาแพทย์เรียกว่า ‘อุจจาระลำเล็กลง’


เมื่อถึงวันพบแพทย์ คุณหมอซักถามอาการเสร็จก็นัดดิฉันมาส่องกล้องตรวจทันที


ในการส่องกล้องตรวจ เราจะต้องโดนวางยาสลบ และคุณหมอก็จะสอดกล้องเข้าทางทวารหนักของเรา เพื่อดูลำไส้ใหญ่ว่ามีแผลหรือเนื้องอกอะไรหรือเปล่า ดังนั้นเพื่อเตรียมลำไส้ใหญ่ให้พร้อมสำหรับการตรวจ เราจะต้องเตรียมตัว 2 วัน โดยโรงพยาบาลจะมีคู่มือให้ว่าในแต่ละวันต้องกินอะไรบ้างและทำอะไรบ้าง


หลักๆ คือ ห้ามกินผักผลไม้โดยเด็ดขาด วันแรกกินอาหารอ่อน เช่น โจ๊กเปล่าๆ ไม่ใส่เนื้อสัตว์และผัก วันที่ 2 กินอาหารเหลว เช่น นม น้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง น้ำซุปใสๆ เพื่อไม่ให้มีกากใยที่จะไปเพิ่มปริมาณอุจจาระ และทั้งสองวันต้องกินยาระบายซึ่งโรงพยาบาลให้มา เป็นยาน้ำเหมือนน้ำเปล่าแต่คงจะผสมน้ำมันละหุ่งหรืออะไรบางอย่างที่มีฤทธิ์ระบาย กินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดขวดซึ่งก็ขวดใหญ่เหมือนกันนะ น่าจะวันละลิตรหรือลิตรครึ่งนี่แหละ จากนั้นเราก็จะขับถ่ายออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายถ่ายออกมาเป็นน้ำใสๆ ก็หมายความว่าในลำไส้ใหญ่ไม่มีอะไรแล้ว สะอาดเอี่ยมอ่องพร้อมตรวจ


และแล้วดิฉันก็โดยวางยาสลบเป็นครั้งแรกในชีวิต


Ep.หน้ามาฟังผลตรวจด้วยกันค่ะ


(โปรดติดตามตอนต่อไป)



บันทึก อ.สุรศักดิ์


ตำราธรรมชาติบำบัดของชาวอินเดียบันทึกไว้ว่า “ท้องผูก คือ บรรพบุรุษของโรคภัยทั้งปวง”


อายุรเวทและแพทย์แผนจีน จะมีวิธีปรับสมดุลการขับถ่ายที่ได้ผลดีหลายอย่าง


การนวดท้องและ บริหารระบบลำไส้ด้วยชี่กง ช่วงก่อนนอนและตื่นนอน ผสานด้วยการดื่มน้ำอุ่น (2-4 แก้ว) ช่วงตื่นนอน เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพยิ่ง สำหรับอาการท้องผูกทั่วๆ ไป

bottom of page