top of page

ภาค 1 ตอนที่ 18 “โรคที่รักษาไม่ได้ : Part V”

  • 18naturalmind
  • 12 ก.พ.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 27 เม.ย.

Qigong and I The Series โดย : ป่าน


ใน Ep.นี้ ดิฉันจะเล่าถึงความรุนแรงของโรคกรดไหลย้อนที่ดิฉันเคยเป็นในอดีตให้ทุกท่านฟัง


ท่านที่เพิ่งมาเริ่มต้นอ่านจาก Ep.นี้ โปรดอย่าเข้าใจผิดว่ากรดไหลย้อนเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ดังเช่นชื่อที่โปรยไว้ข้างต้นนะคะ เพราะที่จริงมันคือโรคที่แถมมากับโรคที่รักษาไม่ได้อีกทีหนึ่งค่ะ


หากท่านอยากรู้ว่าโรคที่รักษาไม่ได้ของดิฉันคือโรคอะไร ขอความกรุณาย้อนกลับไปอ่าน Ep.ก่อนๆ และถ้าจะอ่านตั้งแต่ Ep.แรกได้ก็ยิ่งดีเลยค่าาา อิๆๆ


สำหรับโรคกรดไหลย้อนนั้น ท่านที่เคยเป็นคงจะรู้ว่ามันทรมานและน่ารำคาญสุดๆ บางคนถึงกับชีวิตเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย อย่างรุ่นน้องคนหนึ่งของดิฉัน เป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่อนาคตไกลมาก แต่หลังจากเป็นกรดไหลย้อนอย่างหนัก ทำให้เส้นเสียงถูกกรดทำลาย เสียงก็เลยแหบไปตลอดชีวิต จนถึงกับต้องไปเรียนวิธีการใช้เสียงใหม่ แต่ยังไงก็ร้องเพลงได้ไม่ดีเท่าเดิมแล้ว เพราะคุณภาพของเสียงลดลงมาก


ส่วนตัวดิฉันเองนั้น แม้จะไม่ได้มีอาชีพที่ต้องใช้เสียงโดยตรง แต่ก็จำเป็นต้องใช้เสียงทำงานทำการหลายอย่างอยู่ พอเห็นชะตากรรมของรุ่นน้องเช่นนั้นก็เลยกลัวมาก ตั้งใจว่าจะพยายามไม่ให้ตัวเองไปถึงขั้นนั้น แต่พอนานวันเข้าก็ชักไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าจะประคับประคองตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะกรดในกระเพาะอาหารของดิฉันมันรุกหนักมาก


เป็นต้นว่า เวลากินข้าวมื้อเย็นเสร็จ ปกติดิฉันก็จะไม่ล้มตัวลงนอนทันทีอยู่แล้ว เพราะยายสั่งสอนมาอย่างดีว่ากินแล้วนอนจะกลายเป็นงู ดังนั้น พอกินเสร็จ ดิฉันก็อาจจะมีนั่งเอนๆ ดูทีวีบ้าง แล้วพอผ่านไปสักชั่วโมงจึงค่อยนอนราบ ท้องไส้ดิฉันก็ปกติดีมาโดยตลอด


แต่พอเป็นโรคกรดไหลย้อน ความปกติก็ไม่เป็นปกติอีกต่อไป เพราะหลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จทุกครั้ง ดิฉันจะมีอาการจุก เสียด แน่น อย่างมาก ธรรมดาคนเราพอมีอาการแบบนี้ ก็จะเริ่มมองหาหมอนอิงหมอนขวานมานั่งพิงและผึ่งพุงให้สบายขึ้น แต่พอดิฉันเอนปุ๊บ ไม่ทันถึง 5 นาที ก็เริ่มรู้สึกถึงความแสบร้อนที่พุ่งขึ้นมา แล้วก็มาจุกอยู่ที่คอหอย ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแทบไม่ทัน กินน้ำยังไงก็ไม่หายไปง่ายๆ จนกระทั่งพ้น 3 ชั่วโมงไปแล้วนั่นแหละถึงค่อยดีขึ้น


เขาว่ากันว่า กรดในกระเพาะอาหารนั้น ถ้ามันได้ขึ้นมาสัมผัสคอเราครั้งหนึ่งแล้ว ก็เหมือนเป็นการเปิดเส้นทางสายไหมให้มันขึ้นมาอีกเนืองๆ กรดในกระเพาะอาหารของดิฉันก็เช่นเดียวกัน ดูมันขึ้นง่ายขึ้นดายมาก สุดท้ายดิฉันก็ต้องงดกินข้าวมื้อเย็นไปเลย และถ้าวันไหนจำเป็นต้องกิน วันนั้นก็ทำใจไว้เลยว่าไม่ต้องนอน


นี่ดิฉันพูดจริงนะ ไม่ได้เว่อร์ มันนอนไม่ได้จริงๆ ค่ะ ต้องนั่งตัวตรงพิงหัวเตียงอยู่อย่างนั้นทั้งคืน อย่าว่าแต่นอนราบเลย แค่เอนตัวนิดเดียว กรดดิฉันก็กระฉอกแล้ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็นั่งเป็นโยคีอยู่ยังงั้นแหละ สัปหงกเอา


ครั้งหนึ่ง ดิฉันมีสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ก็เลยต้องกินอาหารค่ำมื้อใหญ่ แล้วเพื่อนดิฉันคนหนึ่งกลับบ้านลำบาก ก็เลยติดมานอนค้างบ้านดิฉันด้วย ตอนกลางดึกเพื่อนตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ เห็นเงาตะคุ่มๆ ของดิฉันนั่งเป็นจอมปลวกอยู่บนเตียง ตกใจแทบสิ้นสติ


ถ้าถามว่า นั่งอยู่อย่างนั้นแล้วหลับได้ไหม ก็พอจะได้บ้าง แต่ถ้าจะให้หลับสนิทอย่างมีคุณภาพ ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


ดังนั้นง่ายสุดก็คือเลิกกินข้าวเย็น หมดเรื่องไป


แม้กระนั้น อาการกรดไหลย้อนขั้นรุนแรงสุด ก็เกิดขึ้นกับดิฉันจนได้


วันนั้นบังเอิญว่าที่คอนโดดิฉันน้ำไม่ไหล และจะไม่ไหลไปถึงตอนเย็นของวันรุ่งขึ้น


บังเอิญว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ดิฉันมีงานแต่เช้า ซึ่งถ้าน้ำไม่ไหล จะอาบน้ำเข้าส้วมยังไงก็นึกไม่ออก ดิฉันก็เลยตัดสินใจโทรศัพท์ไปจองห้องในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ๆ ที่ทำงาน แล้วเก็บกระเป๋าไปนอนโรงแรมเลย เช้าขึ้นจะได้อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานได้สะดวก


พอไปถึงโรงแรม อาบน้ำเสร็จ ล้มตัวลงนอนได้ไม่ถึง 10 นาที…


…มันมาแล้วค่ะ…มันมาอีกแล้ว…หยุดเดี๋ยวนี้นะ…หยุดเดี๋ยวเน้!!!


วันนั้นดิฉันไม่ได้กินข้าวเย็นสักหน่อย แต่อาจจะเป็นเพราะความเครียดความตื่นเต้นที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนก็ได้ ทำให้กรดในกระเพาะอาหารของดิฉันพลุ่งขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน


ดิฉันทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งตัวตรง คว้าหมอนมาซ้อนหลังแล้วนั่งพิงหัวเตียงแบบตัวตรงมาก แต่นั่งไปเป็นชั่วโมงก็ไม่ทุเลา กลับมีอาการมากขึ้นด้วยซ้ำ


รู้สึกเหมือนมีน้ำกรดเอ่ออยู่ในลำคอ กำลังกัดทำลายคออยู่ แบบได้ยินเสียงฟ่อดๆๆๆๆ อยู่ในคออย่างนั้นเลย


ความเจ็บปวดแสบร้อนนี่ไม่ต้องพูดถึง รุนแรงมากกกกก


ตอนนั้นดิฉันมีอาการหัวใจดีดอยู่แล้วด้วย ดังที่เล่าให้ฟังเมื่อ Ep.แรกๆ นั่นแหละค่ะ พอกรดกัดคอเว่อร์วังขนาดนี้ หัวใจอันตื่นตระหนกของดิฉันก็เต้นแรงขึ้น แรงขึ้น แรงขึ้น จนชักจะน่ากลัวว่าหัวใจอาจจะวายไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง


ดิฉันก็เลยเริ่มคิดว่าจะไปโรงพยาบาล กะว่าจะเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด


แต่บังเอิญ (อีกแล้ว)…บังเอิญว่าช่วงนั้นมีการชุมนุมทางการเมืองพอดี แล้วโรงแรมที่ดิฉันพักอยู่ก็อยู่ใกล้บริเวณที่ชุมนุมมาก ถ้าจะไปหาหมอดิฉันก็ต้องฝ่าม็อบออกไปในยามวิกาล แล้วแท็กซี่ที่ไหนจะมาผจญภัยกะกูล่ะ


ดิฉันจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปหาหมอ แล้วนั่งสวดมนต์ภาวนาไปเรื่อยๆ แต่ระหว่างที่สวดแทนที่จะสงบ กลับเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าเราหัวใจวายตายในห้องนี้ กว่าเจ้าของโรงแรมจะมาเจอก็คงพรุ่งนี้เที่ยง แล้วเขาก็ต้องลำบากแจ้งตำรวจมาชันสูตร เพราะมันเป็นการตายผิดธรรมชาติ ส่วนเราก็จะกลายเป็นผีเฝ้าห้องนี้ต่อไป


พอคิดถึงผี ก็กลัวผีขึ้นมาอีก…ว่าแต่ห้องนี้มีผีมั้ยเนี่ย…แงๆๆๆๆๆๆ


สุดท้าย ดิฉันก็ต้องเลิกสวดมนต์ แล้วเปิดทีวีเป็นเพื่อนทั้งคืนจนเช้า อาบน้ำแต่งตัวไปจัดการงานจนเสร็จ แล้วจึงได้ไปหาหมอ


ผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นมาได้พร้อมเกียรติประวัติอีกอย่างหนึ่ง ว่าครั้งหนึ่งเคยเกือบตายเพราะกรดไหลย้อน น่าภาคภูมิใจจริงจริ๊ง


(โปรดติดตามตอนต่อไป)



บันทึก อ.สุรศักดิ์


โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease, GERD) เป็นอาการซึ่งเกิดจากการไหลย้อนทวนของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ


ในสังคมปัจจุบันที่อยู่ท่ามกลางความเร่งรีบ ความเครียด มีคนเป็นโรคกรดไหลย้อนเพิ่มมากขึ้นทุกปี


ในทัศนะของการแพทย์แผนจีน ภาวะกรดไหลย้อนเป็นภาวะเสียสมดุลของ “ระบบตับ” และ “ระบบกระเพาะม้าม” ทำให้พลังงานที่ไม่บริสุทธิ์ (ชี่ที่ไม่สะอาด) ไหลย้อนขึ้นสู่ด้านบน


ดังนั้น การบำบัดจะเน้นการปรับสมดุลของตับ ระบบความคิด จิตประสาท ลดความเครียด ประกอบกับการบำรุงระบบกระเพาะม้ามให้ฟื้นฟูกลับมา

bottom of page